กรุงเทพฯ: ประเทศไทยตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ 15 คนในข้อหาคอร์รัปชัน หลังจากผู้ต้องสงสัยชาวจีน 2 คนหลบหนีจากการบุกค้นแหล่งปลอมหนังสือเดินทาง ตำรวจระบุในวันจันทร์ (16 ม.ค.)กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลในประเทศไทยเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เรียกว่า “ธุรกิจสีเทา” ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายโดยชาวจีนตำรวจบุกค้นสถานกงสุลเดิมของเกาะนาอูรูในมหาสมุทรแปซิฟิกในกรุงเทพฯ เมื่อ
ปลายเดือนที่แล้ว หลังมีข้อกล่าวหาว่าชาวจีนนั่งยองอยู่ที่นั่น
สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ภายในพบชายชาวจีน 2 คน ซึ่งปักกิ่งต้องการตัวทั้งคู่ ร่วมกันปลอมหนังสือเดินทางให้กับคนสัญชาติเดียวกัน
แต่ทั้งสองสามารถหลบหนีได้ เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยเป็นการสมรู้ร่วมคิดของเจ้าหน้าที่ 5 คนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 9 นาย และจ่าทหาร
เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยนักแปลได้เรียกเงินสินบน 10 ล้านบาท (245,000 เหรียญสหรัฐ) จากผู้ต้องสงสัยเพื่อขอความช่วยเหลือ สุรเชษฐ์กล่าว
สุรเชษฐ์กล่าวว่าแผนการดังกล่าวเริ่มกระจ่างเมื่อนักแปลสารภาพหลังจากถูกจับได้ว่าพยายามหลบหนีไปยังมาเลเซีย และค้นพบฮาร์ดดิสก์ที่บรรจุหลักฐานดั้งเดิมที่สูญหาย
โฆษณา
รายงานอย่างเป็นทางการระบุว่ามีการยึดเงินประมาณ 2.5 ล้านบาทระหว่างการตรวจค้น แต่ภาพที่พบในฮาร์ดดิสก์และได้รับการยืนยันโดยนักแปลแสดงให้เห็นว่ามีการค้นพบเงินประมาณ 8 ล้านบาท
“พวกเขาบอกคนจีนว่าไม่พอและขอเพิ่มอีก 4 ล้านบาท” สุรเชษฐ์กล่าวในงานแถลงข่าว
ตร.ไทยจับเจ้าพ่อบ่อนพนันชาวจีน
ไทยจับกุมนักธุรกิจพัวพันกับทหารเมียนมาต้องสงสัยค้ายาเสพติด
ชายทั้ง 16 คนถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชั่นหรือเรียกรับสินบน และเจ้าหน้าที่ 15 คน – ไม่รวมนักแปล – ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ
จ่าทหารยังถูกตั้งข้อหาพยายามทำลายหลักฐานหลังจากค้นพบฮาร์ดไดรฟ์ที่มีภาพการจู่โจมที่บ้านของเขา
เจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
โฆษณา
“การเรียกรับสินบนมีโทษค่อนข้างรุนแรง สูงสุดคือประหารชีวิต” สุรเชษฐ์ กล่าว
“เราจะตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการโจมตีได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาหรือไม่” เขากล่าวเสริม
credit : เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ดัมมี่ออนไลน์ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ